วัตถุประสงค์และรูปแบบของการจดทะเบียน
การจดทะเบียนธุรกิจนั้นเริ่มตั้งแต่ผู้ประกอบการตัดสินใจได้ว่าจะเลือกประกอบธุรกิจในรูปแบบใด ก็จะจดทะเบียนธุรกิจตามประเภทธุรกิจนั้น เช่น
ธุรกิจเจ้าของคนเดียว จดทะเบียนเป็นทะเบียนพาณิชย์
ธุรกิจห้างหุ้นส่วนสามัญ จดทะเบียนเป็นรูปแบบคณะบุคคล
ธุรกิจห้างหุ้นส่วนจำกัด จดทะเบียนเป็นรูปแบบห้างหุ้นส่วนจำกัด
ธุรกิจบริษัทจำกัด จดทะเบียนเป็นรูปแบบบริษัทจำกัด
ข้อดี/ข้อเสีย ของการประกอบธุรกิจประเภทต่างๆ
ข้อมูลต่อไปนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการมือใหม่ ที่จะจัดตั้งธุรกิจ รวมถึงการจัดทำบัญชี และการยื่นเสียภาษีในแต่ละประเภทให้ศึกษา
รูปแบบของธุรกิจ
1.1 ธุรกิจเจ้าของคนเดียว (Sole Proprietorship)
เป็นกิจการที่ดำเนินโดยคนๆ เดียว
ข้อดี
จัดตั้งง่ายโดยคนๆ เดียว
มีอิสระในการตัดสินใจ
เจ้าของเป็นผู้รับผิดชอบคนเดียวต่อผลการดำเนินงาน
ข้อบังคับทางกฎหมายน้อย
การเลิกกิจการทำได้ง่าย
ค่าใช้จ่ายด้านการบริหารต่ำ
ข้อเสีย
เจ้าของกิจการต้องรับหนี้สินไม่จำกัดจำนวน
ขาดความน่าเชื่อถือของกิจการ
การจัดหาเงินทุนทำได้ยาก
การตัดสินใจอยู่ที่คนคนเดียว
ธุรกิจอาจไม่ยืนยาวและไม่ต่อเนื่อง
เสียเปรียบด้านภาษีอากร
บุคลากรมีข้อจำกัดด้านความเจริญก้าวหน้า
- 1.2 ห้างหุ้นส่วน (Partnership)
คือธุรกิจที่บุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปทำสัญญาด้วยวาจาหรือลายลักษณ์อักษรตกลงจะกระทำกิจการร่วมกันด้วยวัตถุประสงค์ ที่จะแบ่งกำไร ที่ได้รับจากการกระทำ ผู้ที่เป็นหุ้นส่วนต้องลงทุนร่วมกัน ซึ่งอาจเป็นตัวเงิน หรือทรัพย์สิน หรือแรงงานก็ได้ในสัญญาห้างหุ้นส่วนกำหนดรายละเอียดไว้
การเลิกกิจการ
เลิกตามที่สัญญากำหนดไว้
เลิกตามกำหนดระยะเวลาที่วางเอาไว้
หุ้นส่วนตาย ล้มละลาย หรือไร้ความสามารถ
คำสั่งศาล
การแบ่งประเภทห้างหุ้นส่วน
ห้างหุ้นส่วนสามัญ (Ordinary Partnerships) หุ้นส่วนทุกคนต้องรับผิดชอบในการชำระหนี้สิน ร่วมกันโดยไม่จำกัดจำนวน ซึ่งจะจดทะเบียนหรือไม่ก็ได้ ดังนั้นห้างหุ้นส่วนสามัญจึงแยกเป็นสองประเภท
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่ได้จดทะเบียนไม่มีสภาพเป็นนิติบุคคล
เมื่อเกิดคดีจะฟ้องใครก็ได้
ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล เป็นนิติบุคคลแยกจากหุ้นส่วน
หากมีการฟ้องร้องต้องทำในนามห้างหุ้นส่วนก่อนต่อเมื่อ
ทรัพย์สินของห้างไม่พอชำระหนี้ จึงจะฟ้องร้องจากหุ้นส่วนต่อไป
ห้างหุ้นส่วนจำกัด (Limited Partnership) ต้องจดทะเบียน ซึ่งนิติกรรมใดๆ จะทำในนามของห้างหุ้นส่วนซึ่งผู้รับผิดชอบในห้างหุ้นส่วน แบ่งออกเป็นสองประเภท
หุ้นส่วนชนิดจำกัดความรับผิดชอบ รับผิดชอบหนี้สิน ไม่เกินจำนวนเงิน
ที่นำมาลงทุน ซึ่งหุ้นส่วนประเภทนี้ไม่มีสิทธิ์เข้าจัดการห้างหุ้นส่วน
มีสิทธิ์เพียงแสดงความคิดเห็น กฎหมายห้ามนำชื่อหุ้นส่วนประเภทนี้
มาตั้งเป็นห้างหุ้นส่วนซึ่งหากหุ้นส่วนนี้ตาย หรือล้มละลาย
ธุรกิจก็ยังดำเนินต่อไปได้
หุ้นส่วนชนิดไม่จำกัดความรับผิดชอบ รับผิดชอบหนี้สินอย่างไม่จำกัดจำนวน
อย่างน้อยต้องมี 1 คน และมีสิทธิ์จัดการงานของห้างหุ้นส่วนได้
ข้อดี
ระดมทุนจากแหล่งอื่นได้ง่าย มั่นคงและน่าเชื่อถือกว่าเจ้าของคนเดียว
ระดมความรู้ที่หลากหลายมาช่วยกันบริหาร
การจัดตั้งไม่ยุ่งยาก การรวมหุ้นมีสัญญาต่อกันที่ไม่ต้องเป็นลายลักษณ์อักษรก็ได้
หุ้นส่วนที่รับผิดชอบไม่จำกัดต้องเอาใจใส่การดำเนินงานคล้ายกิจการของตน
มีอิสระในการบริหาร
เลิกกิจการได้ง่าย
ข้อเสีย
มีข้อจำกัดในการโอนหุ้น
ถอนเงินทุนออกได้ยาก
อายุธุรกิจถูกจำกัดด้วยชีวิตของผู้เป็นหุ้นส่วน
หุ้นส่วนก่อหนี้ได้ไม่จำกัด
อาจเกิดความขัดแย้งในหมู่ผู้ร่วมหุ้น
ไม่จำกัดความรับผิดชอบของหุ้นส่วน ทำให้ไม่กล้าเสี่ยงขยายกิจการ
- 1.3 บริษัทจำกัด (Limited Corporation)
คือ ธุรกิจซึ่งเกิดจากการร่วมทุน ของกลุ่มคนเพื่อทำกิจการร่วมกัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหากำไรมาแบ่งกัน ลักษณะของบริษัทมีดังนี้
ต้องมีผู้ร่วมทุนอย่างน้อย 3 คน (เป็นนิติบุคคลก็ได้)
ทุนจะแบ่งออกเป็นมูลค่าต่างๆ กันเรียกว่าหุ้น
ผู้ถือหุ้นจะขาย หรือโอนหุ้นให้ใครก็ได้
ความรับผิดชอบของผู้ถือหุ้นจำกัด เท่ากับจำนวนหุ้นที่ถือ
การแบ่งกำไร บริษัทจะแบ่งกำไรตามสัดส่วนหุ้นที่ถือ
ข้อดี
มีสภาพเป็นนิติบุคคล แยกตัวจากผู้ถือหุ้น มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน
มีสิทธิ์ดำเนินคดีในนามบริษัท
บริษัทสามารถหาทุนเพิ่มในการขายหุ้น
ผู้ถือหุ้นมีความรับผิดชอบเพียงมูลค่าที่ตนค้างชำระ
ผู้ถือหุ้นสามารถขายหรือโอนหุ้นให้กับคนอื่นได้
กรณีผู้ถือหุ้นตาย ล้มละลาย หรือศาลมีคำสั่งให้ออกจากผู้ถือหุ้น
บริษัทก็ยังดำเนินกิจการได้
มีความน่าเชื่อถือกว่าการจัดตั้งโดยเจ้าของคนเดียว หรือห้างหุ้นส่วน
การเพิ่มทุนสามารถทำได้ด้วยการจดทะเบียนเพิ่มทุนและออกหุ้นขาย
ข้อเสีย
ขั้นตอนในการจัดตั้งยุ่งยาก และหน่วยงานรัฐดูแลเข้มงวด
ค่าใช้จ่ายในการบริหารสูง ต้องมีผู้ตรวจสอบบัญชีรับอนุญาต
ต้องมีผู้ถือหุ้นอย่างน้อย 3 คนขึ้นไป
ความลับเปิดเผยได้ง่าย
บางครั้งบริษัทอาจต้องจ้างมืออาชีพจากภายนอกเข้ามา
ทำให้ขาดความตั้งใจ ซื่อสัตย์ และเสียสละ
การจดทะเบียนเลิกบริษัทจำกัด
กรณีเป็นข้อบังคับของบริษัท
เมื่อสิ้นกำหนดเวลา กรณีที่ตั้งขึ้นเป็นการเฉพาะกาล
เมื่อเสร็จการ เมื่อบริษัทถูกตั้งขึ้นเพื่อทำกิจการอย่างใดอย่างหนึ่ง
เมื่อมีมติให้เลิก
เมื่อบริษัทล้มละลาย
เมื่อศาลสั่งให้เลิก
การตัดสินใจเลือกรูปแบบการทำธุรกิจ
1. ประเภทของธุรกิจที่จะดำเนินการ ขนาด เงินลงทุน
2. ต้องการบริหารกิจการและตัดสินใจเอง หรือจ้างมืออาชีพ
3. เปรียบเทียบกฎหมายและภาษี ตามรูปแบบธุรกิจ ซึ่งมีข้อได้เปรียบเสียเปรียบต่างกัน
4. พิจารณาถึงการขยายธุรกิจหรือยกเลิกธุรกิจ
|